ในโลกเกม Divine Breath of the Dragon, ระดับเป็นเสมือนกุญแจสำคัญในการปลดล็อกเนื้อหาที่น่าสนใจมากมายและเพิ่มพลังในการต่อสู้ เพื่อช่วยเหล่านักผจญภัยให้สามารถก้าวขึ้นสู่เส้นทางของความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว แผนการปรับระดับใน Divine Breath of the Dragon ได้วางแผนเส้นทางที่ดีที่สุดในการเพิ่มระดับอย่างรวดเร็วไว้แล้ว ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำในช่วงแรก จากมุมมองของภารกิจ, กิจกรรม, ทรัพยากร, และการเล่นแบบออโต้

เป้าหมายหลักในวันแรกของการเข้าเกมคือการใช้ความพยายามทั้งหมดในการดำเนินภารกิจหลัก ตามโครงเรื่องหลักที่ถูกวางไว้ เมื่อใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จะสามารถปลดล็อกระบบ "การเรียก" และฟังก์ชันดันเจี้ยนที่สำคัญ ณ จุดนี้ระดับที่จะได้รับคือประมาณระดับ 10 ในช่วง 20 ระดับแรก ภารกิจหลักมีบทบาทสำคัญในการมอบประสบการณ์ โดยคิดเป็น 60%-70% ของประสบการณ์ทั้งหมด พร้อมกับของรางวัลที่มาพร้อมอย่างเช่น อุปกรณ์, เหรียญทอง, ฯลฯ
หากพบว่าไม่มีระดับที่เพียงพอในการดำเนินภารกิจหลัก การเลือกทำภารกิจริบบิ้นในฤดูกาล เช่น การฆ่ามอนสเตอร์เฉพาะหรือการท้าทายดันเจี้ยน เป็นทางเลือกที่ฉลาด ระบบภารกิจประจำวันเป็นแหล่งสะสมประสบการณ์ที่มั่นคง ควรทำภารกิจทั้งหมดเพื่อสะสมคะแนนความกระตือรือร้น 100 คะแนน ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า รวมถึง 300,000 ประสบการณ์, 50 หินดราก้อนสปิริต, และอุปกรณ์สุ่ม ในการเลือกภารกิจจากรายการที่หลากหลาย ควรเรียนรู้วิธีคัดเลือกภารกิจที่คุ้มค่าและทำให้เสร็จก่อน

การท้าทายดันเจี้ยน 3 ครั้งใช้คะแนนความกระตือรือร้นเพียง 15 คะแนน แต่ได้รับรางวัลที่คุ้มค่า หรือการทำภารกิจผ่านด่านธาตุ 1 ครั้งโดยใช้คะแนนความกระตือรือร้น 10 คะแนน ซึ่งก็คุ้มค่าเช่นกัน แต่ละฤดูกาลใช้เวลาประมาณ 30 วัน ในการนี้ ผู้เล่นจะสามารถได้รับประสบการณ์จำนวนมาก บางภารกิจอาจให้รางวัลสูงถึง 500,000 ประสบการณ์และของหายาก สำหรับเทคนิคการเร่งความเร็ว ควรเริ่มจากการทำงานที่มีความยากน้อยกว่า เช่น การเข้าสู่เกมทุกวันและการเพิ่มพลังอุปกรณ์ เพื่อสะสมประสบการณ์อย่างรวดเร็ว
ด้านดันเจี้ยนธาตุ ซึ่งเป็นด่านสำหรับสะสมประสบการณ์ มีโอกาสท้าทาย 3 ครั้งต่อวัน แต่ละครั้งต้องใช้พลังงาน 15 หน่วย ผลตอบแทนจากประสบการณ์ที่ได้รับค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับระดับความยาก แต่ละครั้งอาจได้รับ 100,000-250,000 ประสบการณ์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพ แนะนำให้จับคู่ทีมที่มีความสัมพันธ์กับธาตุ เช่น แสงสว่างกับสายฟ้า ใช้ประโยชน์จากเอฟเฟกต์เพิ่มความเสียหาย เพื่อลดเวลาในการผ่านด่านและได้รับประสบการณ์มากที่สุดในระยะเวลาสั้น ๆ

ในการจัดสรรพลังงาน ควรปฏิบัติตามกลยุทธ์บางประการ ลำดับแรกให้พิจารณาภารกิจหลัก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเพิ่มระดับ รองลงมาคือ Whirlpool of Time ซึ่งให้ประสบการณ์สูง ตามด้วยดันเจี้ยนธาตุ ลำดับที่สองแนะนำให้ทำดันเจี้ยนเพื่ออุปกรณ์ ที่นี่นอกจากจะได้รับประสบการณ์ ยังได้อุปกรณ์เพิ่มเติม ทำให้ได้ประโยชน์สองเท่า ควรทราบว่า ขีดจำกัดพลังงานคือ 150 หน่วย ซึ่งจะฟื้นฟู 1 หน่วยทุก 6 นาที จึงควรจัดการการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการล้นและสูญเสีย
ภายในเกมยังมีไอเทมเพิ่มประสบการณ์หลายชนิดที่ช่วยในการปรับระดับ น้ำซุปบำรุงขั้นต้นเพิ่มการได้รับประสบการณ์ 20% นาน 1 ชั่วโมง สร้างขึ้นจาก Grass of Regeneration x2 ขายในราคา 50 เหรียญทองต่อหน่วย ส่วนน้ำซุปบำรุงระดับสูงเพิ่มการได้รับประสบการณ์ 50% นาน 2 ชั่วโมง สร้างขึ้นจาก Grass of Regeneration x4 และจำกัดการซื้อ 3 ครั้งต่อวัน ควรใช้ไอเทมเหล่านี้ก่อนเมื่อเตรียมที่จะท้าทายดันเจี้ยนที่ให้ประสบการณ์สูง เช่น ความยากสูงสุดของ Whirlpool of Time

การปรับระดับโดยการเล่นแบบออโต้เป็นวิธีที่ดีในการปลดปล่อยมือและได้รับประสบการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างการเล่นแบบออโต้ ผู้เล่นสามารถทำสิ่งอื่น ๆ ได้อย่างสบายใจ ในการแลกเปลี่ยนด้วยหินดราก้อนสปิริต ควรแลกเปลี่ยนลูกเต๋า, ขนมปัง, และยาเพิ่มประสบการณ์ สำหรับผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้เล่นจ่ายเงิน ควรแลกเปลี่ยนขนมปังเป็นลำดับแรก ใช้เพียง 1 หินดราก้อนสปิริต สามารถแลกเปลี่ยนเป็นพลังงาน 10 หน่วย ควรถอยชมิติอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน เพื่อให้มั่นใจว่ามีพลังงานเพียงพอ
นี่คือเนื้อหาที่แชร์ในคู่มือการปรับระดับของ Divine Breath of the Dragon จริง ๆ แล้ว การปรับระดับไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือเมื่อผู้เล่นทุกคนเข้าสู่เกมพร้อมกัน ว่าเราจะทำอย่างไรให้ปรับระดับได้เร็วกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ และเทคนิคที่นำเสนอในวันนี้สามารถช่วยให้คุณทำได้